จิตวิทยาการเดาใจคนและการรู้จักมองคน

วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

คนมีเสน่ห์

ผมเคยฝันอยากที่จะเกิดมาเป็นคนมีเสน่ห์ แต่บัดนี้จนแก่แล้วยังทำไม่ได้สักที จนกระทั่งได้มาอ่านบทความของอาจารย์ระเด่น ทักษณา ซึ่งเคยสอนผม แอบเป็นลูกศิษย์ของท่านเงียบๆ เสมอมา จึงนำเรื่องของเสน่ห์มาเล่าให้ฟังต่อ เพราะเห็นว่ามันคล้ายกับธรรมะปฏิบัติของพระพุทธเจ้ามาก คือ มาดต้องตา วาจาต้องใจ ภายในต้องเยี่ยม และเบ็ดเตล็ดอื่นๆ มาดต้องตานั้นมีส่วนทำให้เกิดเสน่ห์ทางตา ถึง 83% (ส่วนวาจาต้องใจ คือ ฟังด้วยหูแล้วเกิดเสน่ห์ เพียง 11% เท่านั้น)

มาดต้องตา 47 ประการมีดังนี้


1. มีนิสัยสดชื่นร่าเริงอยู่เสมอ การยิ้มแย้ม แจ่มใสกับผู้คนทำด้วยความจริงใจ ออกมาจากใจ
2. ชอบยกมือไหว้คนด้วยความนอบน้อม ลักษณะที่งดงาม สบตาทุกครั้งที่ไหว้ ศีรษะค้อม มือชิดอก และใจเคารพ
3. เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนกับทุกคน โดยไม่เลือกชั้นวรรณะ ไม่แสดงอำนาจ วางท่าเย่อหยิ่ง เหนือผู้อื่น
4. เมื่อได้พบกับคนอื่นที่รู้จักกันแล้ว หรือครั้งแรกก็ตาม ควรจะแสดงความกระตือรือร้น ยินดีที่ได้พบ ที่ได้รู้จักกัน รีบลุกขึ้นยืนทักทายทันที
5. คนมีเสน่ห์ ไม่รู้สึกเสียเกียรติ ที่จะกล่าวคำขอโทษ หรือขอบคุณใครก็ตาม ตั้งแต่คนงาน คนรถ คนใช้ไปถึงระดับผู้ใหญ่ที่มีเกียรติ
6. คนมีเสน่ห์ จะมีความสง่างาม รู้จักวางตัวเหมาะสม เคลื่อนไหวช้าเกินไป ไม่เร็วจนลุกลี้ลุกลนเกินไป เมื่อเล่นก็เล่น เมื่อทำงานก็ทำงาน
7. แต่งกายให้ถูกกับกาลเทศะ ไม่แต่งตามใจเราเอง แต่แต่งตามสภาพของงานที่จะไป และสังคมสิ่งแวดล้อมที่กำลังมีงานอยู่
8. ถ้าหากงานที่จะไปนั้น เป็นงานใหญ่ของเจ้าภาพที่มีเกียรติยศและตำแหน่ง หน้าที่การงานสูง เราไม่สามารถแต่งกายให้สมเกียรติได้ก็อย่าไปดีกว่าเพราะว่า จะทำให้เจ้าภาพเขาเสียหน้า และกระอักกระอ่วนใจ
9. ในงานพิธีต่างๆ เมื่อเราได้รับเชิญให้ลุกขึ้นยืนปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าชุมชน ควรจะกลัดกระดุม ให้เรียบร้อยทุกๆ เม็ด รวมทั้งสูทด้วย
10. คนมีเสน่ห์ เมื่อไปงานพิธีใหญ่ ต้องแต่งกายรัดกุม ถูกกาลเทศะไม่พกของตุงกระเป๋า เช่นโทรศัพท์มือถือหรือสะพายกล้องรุงรัง วาจาต้องใจ
11. คนมีเสน่ห์ เมื่อพูดกับใคร หรือมีใครพูดด้วยต้องให้ความสนใจ 100% ด้วยอาการใจจดใจจ่อ และฟังตั้งแต่ต้นจนจบ แม้เรื่องนั้นเราจะเคยฟังมาหลายครั้งแล้วก็ตาม
12. เราต้องพูดในสิ่งที่เขาอยากฟัง จะไม่พูดในสิ่งที่เราอยากพูด โดยพยายามถามตนเองทุกครั้ง ก่อนจะพูดว่าเราควรจะพูดออกไปไหม
13. ให้พยายามพูดในภาษาของคนฟัง ไม่ใช่พยายามพูดในภาษาของคนพูด เพราะเมื่อพูดแล้วคนฟังน่าจะเข้าใจได้ง่ายๆ
14. คนมีเสน่ห์ ควรแบ่งบทพระเอกให้คนอื่นเป็นบ้าง อย่าถือว่าเก่งคนเดียว เป็นเจ้านายคนเดียว เป็นหัวหน้าคนเดียว แบ่งให้คนอื่นบ้าง
15. ต้องไม่ยกตนข่มท่าน หลีกเลี่ยงในการวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นว่าไม่ดี เราดีอยู่คนเดียว รังแต่จะสร้างศัตรู เร่งแก้ไขความบกพร่องของตัวเองจะดีกว่า
16. คนมีเสน่ห์ไม่พูดถึงความยากของตนเอง หรือบ่นแต่ความทุกข์ของตนเอง ให้คนอื่นฟัง โดยเฉพาะปัญหาหนักอกหนักใจ นอกจากเขาช่วยเราไม่ได้แล้ว เขาอาจจะนึกดูถูกเราด้วยซ้ำไปในความโง่ของเรา
17. อย่าพูดถึงความร่ำรวย มีเงินทองของตนเองเพราะว่าถึงเราจะรวยแต่เราก็คงไม่ยอม ไปแจกเงินเขาหรือให้ใครยืม เขาจะหมั่นไส้เอาเปล่าๆ
18. คนมีเสน่ห์ ย่อมจะไม่พูดถึงความเลวร้าย ความไม่ดีของคนในครอบครัว ลูกเมียของเรา ยกเว้นจะถูกคะยั้นคะยอเท่านั้น
19. คนมีเสน่ห์จะเป็นคนมีอารมณ์ขัน มีศิลปะในการเล่าเรื่องตลกบ้างเป็นครั้งคราว มีอารมณ์ขันสร้างบรรยากาศ ให้ครื้นเครงตามแต่กาลเทศะ แต่ไม่พร่ำเพรื่อจนกลายเป็นตัวตลกไป
20. ต้องไม่แสดงความรังเกียจ จนออกนอกหน้าเมื่อได้ยินเรื่องที่ไม่ถูก ไม่ว่าจะเรื่อง DIRTY JOXES ก็ตาม ภายในต้องเยี่ยม
21. คนมีเสน่ห์ต้องมีน้ำใจ เอื้ออาทรต่อคนรอบข้าง "เงินยิ่งใช้ยิ่งหมด แต่น้ำใจยิ่งใช้ยิ่งเพิ่ม" ควรมีน้ำใจในเป็นทุกเรื่อง
22. คนมีเสน่ห์ย่อมทำตัวเป็นผู้ให้มากกว่าเป็นผู้รับ เพราะว่าผู้ให้ย่อมมีความสุขมากกว่า การไปรับของจากผู้อื่น
23. เป็นคนมีความกตัญญูกตเวที เป็นเครื่องหมายของคนดี สังคมเคารพยกย่อง คนที่มีความกตัญญูต่อพ่อแม่และผู้มีพระคุณมาก
24. คนมีเสน่ห์ ย่อมมีความเสมอต้นเสมอปลายไม่ว่าตกทุกข์ได้ยาก ตกงาน ว่างงาน หรือจะร่ำรวยมีฐานะดีก็ตาม
25. คนมีเสน่ห์จะเอาหลักศาสนาที่ตนนับถือ มาเป็นหลักปฏิบัติ ชาวพุทธจะปฏิบัติตนตามธรรมะ คือ ศีล 5 พรหมวิหาร 4 และเมตตาธรรม
26. การทำความดี เราถือว่าเป็นความสุข ไม่ใช่เพราะรอให้คนมาเห็นเราทำความดี จึงจะมีความสุข การทำความดีโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทนจะทำให้จิตใจเบิกบาน
27. เมื่อมีคนติติง ก็อย่าโกรธ เพราะว่าคำตินั้นมีประโยชน์ในการก่อมากกว่าคำชม ซึ่งจะทำลายและทำให้เหลิงและเสียคน
28. คนมีเสน่ห์จะแสดงความเคารพนับถือ ครูบาอาจารย์ วิทยากร ถึงแม้จะมีอายุน้อยกว่าก็ตาม ถ้าเราคิดว่าเราโง่ เราก็จะมีโอกาสเป็นคนฉลาด แต่ถ้าหากว่าเราคิดว่าเราเป็นคนฉลาดเราจะเป็นคนโง่ที่แท้จริง
29. ให้ความสนใจกับคำเชิญไปงานต่างๆ เสมอโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่เรารักและเคารพ ถ้าหากเป็นไปไม่ได้จริงๆ ควรจะโทรศัพท์ไปขอโทษ และส่งของขวัญตามไปภายหลัง งานศพนั้นความไปเสมอ
30. คนมีเสน่ห์ ควรให้อภัย ไม่อาฆาตจองเวรคนที่ให้อภัยเป็นทานจะมีใบหน้ารอยยิ้ม อิ่มเอิบ ผุดผ่องเสมอ คนโกรธจะมีใบหน้าบึ้งตึงไร้เสน่ห์เบ็ดเตล็ด
31. คนมีเสน่ห์ย่อมจดจำวันเกิดของเพื่อน คนที่รู้จัก หรือคนที่สนิทได้ แล้วส่งของขวัญวันเกิด ดอกไม้หรือโทรศัพท์ไปแสดงความยินดี
32. คนมีเสน่ห์ย่อมเตรียมนามบัตรไว้จำนวนหนึ่งให้พอแจกเสมอ เมื่อยื่นนามบัตรให้ยื่นในระดับสายตา ผู้รับอ่านเห็น และควรอ่านชื่อตนเองดังๆ เพื่อเขาจะได้ทราบว่าชื่อของเราอ่านว่าอย่างไร
33. เมื่อมีผู้มอบนามบัตรให้ เราควรจะยกมือขึ้นรับและไหว้ ควรอ่านชื่อในนามบัตรของเขาดังๆ เพื่อให้จดจำชื่อของเขาได้
34. นามบัตรเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อราได้รับนามบัตรอย่าเพิ่งรีบเก็บเข้ากระเป๋า ควรวางบนโต๊ะในที่มองเห็นตลอดเวลา อย่าให้เปื้อน แล้วเก็บไปด้วยเสมอ
35. เมื่อมีคนนั่งอยู่ก่อนแล้วในโต๊ะอาหารหรือนั่งประชุม ควรจะขออนุญาตเมื่อจะเข้าไปนั่งด้วย และกล่าวคำขอโทษก่อนจะลุกออกจากโต๊ะ อย่าลุกไปเฉย
36. ผู้มีเสน่ห์เมื่อนั่งอยู่ในโต๊ะอาหารหรือที่ประชุมควรยิ้มต้อนรับหรือกล่าวคำทักทาย ผู้มาใหม่เสมอ หรือผู้ที่จะลุกออกไปจากโต๊ะ
37. เมื่อนั่งโต๊ะอาหาร ควรคลี่ผ้ากันเปื้อนไว้เป็นรูปสามเหลี่ยมบนตัก อย่าใช้ผ้ากันเปื้อนเช็ดปาก เช็ดหน้า เช็ดมือเป็นอันขาด และเมื่อลุกจากโต๊ะควรพับผ้ากันเปื้อนแล้ววางเอาไว้บนโต๊ะ
38. เมื่อรับประทานอาหารเสร็จควรรวบช้อนส้อมเข้าด้วยกัน พนักงานเสิร์ฟจะได้มาเก็บจานไป แต่ถ้ายังรับประทานไม่เสร็จ ให้วางช้อนและส้อมเป็นรูปตัววี
39. คนมีเสน่ห์ เมื่อตักอาหารบุฟเฟ่ต์ ควรตักกับข้าวอย่างเดียว อย่าตักทุกอย่างรวมกันจนล้นจาน เหมือนคนตายอด ตายอยาก เมื่อไม่พอกินก็ตักมาใหม่
40. เมื่ออาหารติดฟัน ไม่ควรที่จะใช้มือแคะอาหารออกจากปาก อาจจะใช้มือป้องแล้วแคะฟัน แต่ที่ดีที่สุดควรจะลุกไปทำในห้องน้ำจะดีกว่า
41. คนมีเสน่ห์เมื่อไปงานเต้นรำ ควรจะหาคู่เต้นไปเอง ไม่ควรไปล่าหาเหยื่อ ถ้าหากจะไปขอสุภาพสตรีอื่นในโต๊ะ ควรจะขออนุญาตสุภาพบุรุษในโต๊ะเสียก่อน และเมื่อเต้นเสร็จแล้ว ควรพามาส่งคืนที่โต๊ะพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณ
42. คนมีเสน่ห์ เวลาเล่นกอล์ฟ เขาจะไม่พูดคุยหรือแสดงอาการรบกวนคนที่กำลังพัทท์กอล์ฟ และเมื่อเขาพัทท์ลูกกอล์ฟลงหลุม ควรจะแสดงความยินดีอย่างจริงใจ
43. เมื่อถูกเชิญขึ้นไปร้องเพลง ต่อหน้าคนมากๆ ควรจะขึ้นไปร้องเพลงเฉพาะเพลงที่ตนถนัด และแน่ใจเท่านั้น ถ้าหากร้องไม่ได้จริงๆ ควรจะปฏิเสธดีกว่าขึ้นไปเสียหน้าบนเวที
44. คนมีเสน่ห์ เมื่อเจ็บป่วย เวลาไอหรือจาม ในที่ชุมนุมชนควรจะใช้ผ้าเช็ดหน้า ปิดปากจมูกเสมอ ถ้าเลี่ยงได้ ควรเลี่ยงออกมาภายนอก
45. เมื่อไปเยี่ยมคนป่วย ควรเลือกของเยี่ยมที่เหมาะสมกับคนป่วยและภาวะของโรค เช่น ของกิน ของใช้ ดอกไม้ หรือหนังสือที่เหมาะกับคนไข้
46. ผู้มีเสน่ห์ย่อมไม่ขับรถปาดหน้าผู้อื่น ไม่บีบแตรไล่ ไม่เปิดไฟไล่หลัง และไม่แย่งที่จอด เมื่อมีผู้อื่นกำลังรออยู่ก่อนเรา
47. คนมีเสน่ห์ ย่อมเป็นคนตรงต่อเวลา ให้ความสำคัญกับการนัดหมายทุกครั้ง ไม่ควรอ้างว่า นาฬิกาปลุกเสีย รถติด เพราะว่าเชยหมดสมัยแล้ว
จากตัวอย่างของ คนมีเสน่ห์ที่เขียนมาเพียงน้อยนิด ยังมีเสน่ห์อีกมากมาย ที่เราจะสร้างขึ้นมาได้ เพราะว่าเสน่ห์ไม่ใช่ของที่ได้มาแต่เกิด เป็นมารยาทสังคมที่เราต้องเรียนรู้ และสร้างนิสัยขึ้นมา เหมือนในโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท เราจะมีการฝึกอบรมเสน่ห์มารยาท การยิ้ม พนักงานอย่างต่อเนื่อง เมื่อคนป่วยจะป่วยทั้งกายและใจ การต้อนรับของผู้ให้บริการ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่จะทำให้เกิดความประทับใจ เหมือนธรรมะทั้งหลายทั้งปวงที่จะทำให้ผู้ปฏิบัติเกิดเสน่ห์ และเป็นที่รักของคนทั่วไป

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก