การจะมีคู่แท้สักคน... จึงต้องใช้เวลาในการแสวงหาเสมอ
...เพราะคำคำเดียวสั้นๆ ที่เรียกขานว่า "รัก" ไม่ใช่หรือที่ทำให้เราเกิดมาในโลกใบนี้อย่างมีคุณค่า เป็นโซ่ทองคล้องชีวิตคู่ของบุพการีของเราให้ยั่งยืนยาวมาจนทุกวันนี้
...เพราะคำว่า "รัก" ไม่ใช่หรือที่ทำให้มนุษย์เราหยุดการรบราฆ่าฟัน หันมาช่วยเหลือเกื้อกูลกันในยามที่ทุกฝ่ายต้องร่วมแรงร่วมใจฝ่ามหันตภัยทั้งหลาย ไม่ว่าจะเกิดจากธรรมชาติหรือเกิดจากน้ำมือของมนุษย์ มีคำกล่าวมานานนักหนาแล้วว่า... โลกของเราใบนี้ยังคงหมุนอยู่ได้เพราะพลังที่เกิดจากความรัก และที่ใดที่ปราศจากความรักแล้ว... ความเสื่อมสลายก็จะต้องบังเกิดขึ้น
มีคนกล่าวว่า "รักแท้" เมื่อเกิดขึ้นแล้วย่อมจะดับได้ยาก และมีแต่จะเพิ่มพูนความรักให้แน่นแฟ้น ยืนยงต่อไปเรื่อยๆ ตราบนานเท่านาน เป็น...ปรัชญาของความรักในอดีต ซึ่งน่าจะดำรงคงอยู่ และถ้าจะสูญหายไปบ้าง ก็น่าจะหวนกลับมาจรรโลงสังคมและโลกของเราใบนี้ให้น่าอยู่ยิ่งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ปีเก่าผ่านไป...ปีใหม่ที่ผ่านมานี้ เราได้เห็นความทุกข์ยากลำบาก การพลัดพรากจากผู้เป็นที่รัก จากภัยของธรรมชาติที่มาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ...ขณะเดียวกัน เราก็ได้เห็นน้ำใจของผู้คนที่หยิบยื่นความช่วยเหลือแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากเหล่านั้น ด้วยความรัก แบ่งปันน้ำใจ แบ่งปันทรัพย์สินที่มีอยู่ แบ่งปันเวลา แรงกายแรงใจ เพื่อที่จะซับน้ำตาแห่งความทุกข์ของพวกเขาให้บรรเทาเบาบางลงบ้าง... แม้จะเพียงน้อยนิด พลังแห่งน้ำใจเหล่านั้นแหละ ...เป็นพลังของความรัก และพลังของความรักนั้น มักจะเกิดขึ้นในสภาวะแห่งความทุกข์เสมอ ในสภาวการณ์ดังกล่าวทุกคนจะร่วมแรงร่วมใจให้ความรักความสมัครสมานสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน ลืมความบาดหมาง ความคับข้องใจกันและกัน ให้อภัยกัน...เสมอ เพราะมักจะมีคำกล่าวว่า ความรัก...คือการให้อภัย การให้อภัยนั้น อาจจะเป็นบริบทแรกของความรัก... และบริบทสุดท้ายของความรักก็ได้ ใครจะรู้ แม้ว่าในยุคนี้ คนเราจะแล้งน้ำใจ...และเห็นแก่ตัวกันมากขึ้นทกขณะ แต่คนที่ยังคงมีความรักและรู้จักการให้อภัย...จะมีความสุขในบั้นปลายชีวิตเสมอๆ ...และแม้ว่า ความรักจะไม่ค่อยยืนยงเท่าไร ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงในยุคกระแสแห่งการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ในยุคที่ต้องเอาตัวรอดจากสภาพเศรษฐกิจสังคมที่เปลี่ยนไป จนยากที่จะก้าวตามทันการเปลี่ยนแปลง ถ้าไม่รู้จักการปรับตัวให้เข้ากับสังคมยุคใหม่
การจะมีคู่แท้สักคน... จึงต้องใช้เวลาในการแสวงหาเสมอ!! และจำไว้ว่า ถ้าพบแล้วอย่าปล่อยให้ผ่านไป... เพราะอาจจะไม่มีผ่านมาใหม่อีก คู่ของคนเรานั้น มีทั้งคู่กรรม...และคู่บุญ และบางคนก็เป็นทั้งคู่บุญคู่กรรมด้วยกัน วัฏจักรของคู่ที่เวียนว่ายตายเกิดมาในชีวิตของคนเรานั้น มักจะมีคู่บุญและคู่กรรมสลับกัน เหมือนที่เขาว่าไว้ว่า ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหนนั่นแหละ ใครที่กำลังทุกข์อยู่ก็ขอให้รู้ว่า เมื่อเกิดความทุกข์ถึงที่สุดแล้ว ในท้ายที่สุดถ้ายังคงมีกำลังใจที่จะดำรงคงอยู่ ความสุขก็จะกลับมาเป็นรางวัลชีวิต หลายต่อหลายคนเศร้าโศก... เมื่อคนรักคู่ครองที่อยู่กันมานานจะต้องจากไป ถ้าหัดคิดบ้างว่า... คู่กรรมกำลังจะจากไปแล้ว คู่บุญกำลังจะมา ความสุขในชีวิตก็จะบังเกิด พลังอำนาจของความคิดในทางบวกนั้น เป็นพลังอำนาจที่ปฏิเสธไม่ได้ และมักจะเป็นจริงตามที่คิดเสมอๆ แม้ว่าบางครั้งอาจจะต้องรอนานจนเกือบจะรอไม่ได้ก็ตาม ...สวรรค์ไม่ทำร้ายคนที่คิดดี ทำดี ตลอดไปหรอก!! ในท้ายที่สุด บุญกุศล และความดีที่ทำก็จะสามารถเอาชนะความทุกข์ภายในใจได้ และเมื่อนั้น ความรักก็จะหวนกลับมาใหม่ ส่วนใครที่อยู่ครองชีวิตกับคนที่คิดว่า เป็นคู่บุญ ก็ควรจะร่วมกันทำบุญกุศลร่วมกันเป็นประจำ เพื่อที่คู่บุญจะได้ไม่จากไป... และคู่กรรมที่จะนำความทุกข์ยากจะไม่กลับมา เคยอ่านหนังสือที่มีชื่อว่า...เราจะข้ามเวลามาพบกัน ซึ่งเรื่องราวกล่าวว่า คนเรานั้นอาจมีอยู่หลายชาติภพ ถ้าเชื่อในเรื่องของการเวียนว่ายตายเกิด ทีนี้ในแต่ละชาติภพนั้น ก็น่าจะมีเนื้อคู่อยู่อย่างน้อย 1 คน ไม่ว่าจะเป็นคู่บุญ หรือคู่กรรมก็ตาม ...บางคู่ ก็ทำบุญร่วมกันขอตามมาเกิด ในชาติภพต่อไปเพื่อที่จะรับผลบุญที่กระทำร่วมกัน ...บางคู่ก็ทำกรรมร่วมกันมา ก็อาจจะอาฆาต พยาบาทตามมาทำลายล้างกันในชาตินี้ แล้วแต่จะตั้งจิตอธิษฐานในทางที่ดี...หรือทางที่ร้าย และในบางชาติภพที่เนื้อคู่ ไม่ว่า คู่บุญ หรือคู่กรรม ตามมาพบกันมากกว่า 1 คนในชาติภพนั้น เรื่องราวความรัก ความหวัง ความผิดหวัง ความพลัดพราก...และอะไรต่อมิอะไรที่อยากให้เกิด และไม่อยากให้เกิดก็อาจจะเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ ซึ่งนอกเหนืออำนาจของมนุษย์ตัวเล็กๆ ที่จะไปจัดการได้
...ต้องปล่อยให้เป็นไปตามวัฏจักร ตามธรรมชาติของความรักความหลงของมวลมนุษยชาติ ได้แต่แนะนำให้ตั้งสติเอาไว้ เวลาที่คู่กรรมจะจากไป...ให้เขาหรือเธอไปพบกับคู่กรรมของพวกเขา จะได้ไม่กลับมาทำความทุกข์ยากลำบากใจให้กับเราอีกต่อไป
...และภาวนาขอให้คู่บุญของตัวเรา จงรีบมาแสดงตัว นั่นเป็นแนวคิดที่ควรคิด...ในเวลาแห่งการพลัดพราก ว่าก่อนอื่นมีคนคนหนึ่งที่รอความรักอยู่เสมอ และคนคนนั้นก็คือ ตัวของเราเอง ในเมื่อตัวของเราเกิดจากความรักของพ่อแม่ ซึ่งได้ให้กำเนิดเรามา เราจึงต้องรักษาตัวของเรา ซึ่งเป็นที่รักของพ่อแม่ เอาไว้ทดแทนคุณของบิดามารดา ก่อนที่จะจากโลกนี้ไปอย่างสงบสุข เหมือนที่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ฝากกลอนเอาไว้ให้ช่วยเขียนเตือนสติของผู้ที่จะมีความรักทั้งหลายว่า...
...เพราะคำว่า "รัก" ไม่ใช่หรือที่ทำให้มนุษย์เราหยุดการรบราฆ่าฟัน หันมาช่วยเหลือเกื้อกูลกันในยามที่ทุกฝ่ายต้องร่วมแรงร่วมใจฝ่ามหันตภัยทั้งหลาย ไม่ว่าจะเกิดจากธรรมชาติหรือเกิดจากน้ำมือของมนุษย์ มีคำกล่าวมานานนักหนาแล้วว่า... โลกของเราใบนี้ยังคงหมุนอยู่ได้เพราะพลังที่เกิดจากความรัก และที่ใดที่ปราศจากความรักแล้ว... ความเสื่อมสลายก็จะต้องบังเกิดขึ้น
มีคนกล่าวว่า "รักแท้" เมื่อเกิดขึ้นแล้วย่อมจะดับได้ยาก และมีแต่จะเพิ่มพูนความรักให้แน่นแฟ้น ยืนยงต่อไปเรื่อยๆ ตราบนานเท่านาน เป็น...ปรัชญาของความรักในอดีต ซึ่งน่าจะดำรงคงอยู่ และถ้าจะสูญหายไปบ้าง ก็น่าจะหวนกลับมาจรรโลงสังคมและโลกของเราใบนี้ให้น่าอยู่ยิ่งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ปีเก่าผ่านไป...ปีใหม่ที่ผ่านมานี้ เราได้เห็นความทุกข์ยากลำบาก การพลัดพรากจากผู้เป็นที่รัก จากภัยของธรรมชาติที่มาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ...ขณะเดียวกัน เราก็ได้เห็นน้ำใจของผู้คนที่หยิบยื่นความช่วยเหลือแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากเหล่านั้น ด้วยความรัก แบ่งปันน้ำใจ แบ่งปันทรัพย์สินที่มีอยู่ แบ่งปันเวลา แรงกายแรงใจ เพื่อที่จะซับน้ำตาแห่งความทุกข์ของพวกเขาให้บรรเทาเบาบางลงบ้าง... แม้จะเพียงน้อยนิด พลังแห่งน้ำใจเหล่านั้นแหละ ...เป็นพลังของความรัก และพลังของความรักนั้น มักจะเกิดขึ้นในสภาวะแห่งความทุกข์เสมอ ในสภาวการณ์ดังกล่าวทุกคนจะร่วมแรงร่วมใจให้ความรักความสมัครสมานสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน ลืมความบาดหมาง ความคับข้องใจกันและกัน ให้อภัยกัน...เสมอ เพราะมักจะมีคำกล่าวว่า ความรัก...คือการให้อภัย การให้อภัยนั้น อาจจะเป็นบริบทแรกของความรัก... และบริบทสุดท้ายของความรักก็ได้ ใครจะรู้ แม้ว่าในยุคนี้ คนเราจะแล้งน้ำใจ...และเห็นแก่ตัวกันมากขึ้นทกขณะ แต่คนที่ยังคงมีความรักและรู้จักการให้อภัย...จะมีความสุขในบั้นปลายชีวิตเสมอๆ ...และแม้ว่า ความรักจะไม่ค่อยยืนยงเท่าไร ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงในยุคกระแสแห่งการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ในยุคที่ต้องเอาตัวรอดจากสภาพเศรษฐกิจสังคมที่เปลี่ยนไป จนยากที่จะก้าวตามทันการเปลี่ยนแปลง ถ้าไม่รู้จักการปรับตัวให้เข้ากับสังคมยุคใหม่
การจะมีคู่แท้สักคน... จึงต้องใช้เวลาในการแสวงหาเสมอ!! และจำไว้ว่า ถ้าพบแล้วอย่าปล่อยให้ผ่านไป... เพราะอาจจะไม่มีผ่านมาใหม่อีก คู่ของคนเรานั้น มีทั้งคู่กรรม...และคู่บุญ และบางคนก็เป็นทั้งคู่บุญคู่กรรมด้วยกัน วัฏจักรของคู่ที่เวียนว่ายตายเกิดมาในชีวิตของคนเรานั้น มักจะมีคู่บุญและคู่กรรมสลับกัน เหมือนที่เขาว่าไว้ว่า ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหนนั่นแหละ ใครที่กำลังทุกข์อยู่ก็ขอให้รู้ว่า เมื่อเกิดความทุกข์ถึงที่สุดแล้ว ในท้ายที่สุดถ้ายังคงมีกำลังใจที่จะดำรงคงอยู่ ความสุขก็จะกลับมาเป็นรางวัลชีวิต หลายต่อหลายคนเศร้าโศก... เมื่อคนรักคู่ครองที่อยู่กันมานานจะต้องจากไป ถ้าหัดคิดบ้างว่า... คู่กรรมกำลังจะจากไปแล้ว คู่บุญกำลังจะมา ความสุขในชีวิตก็จะบังเกิด พลังอำนาจของความคิดในทางบวกนั้น เป็นพลังอำนาจที่ปฏิเสธไม่ได้ และมักจะเป็นจริงตามที่คิดเสมอๆ แม้ว่าบางครั้งอาจจะต้องรอนานจนเกือบจะรอไม่ได้ก็ตาม ...สวรรค์ไม่ทำร้ายคนที่คิดดี ทำดี ตลอดไปหรอก!! ในท้ายที่สุด บุญกุศล และความดีที่ทำก็จะสามารถเอาชนะความทุกข์ภายในใจได้ และเมื่อนั้น ความรักก็จะหวนกลับมาใหม่ ส่วนใครที่อยู่ครองชีวิตกับคนที่คิดว่า เป็นคู่บุญ ก็ควรจะร่วมกันทำบุญกุศลร่วมกันเป็นประจำ เพื่อที่คู่บุญจะได้ไม่จากไป... และคู่กรรมที่จะนำความทุกข์ยากจะไม่กลับมา เคยอ่านหนังสือที่มีชื่อว่า...เราจะข้ามเวลามาพบกัน ซึ่งเรื่องราวกล่าวว่า คนเรานั้นอาจมีอยู่หลายชาติภพ ถ้าเชื่อในเรื่องของการเวียนว่ายตายเกิด ทีนี้ในแต่ละชาติภพนั้น ก็น่าจะมีเนื้อคู่อยู่อย่างน้อย 1 คน ไม่ว่าจะเป็นคู่บุญ หรือคู่กรรมก็ตาม ...บางคู่ ก็ทำบุญร่วมกันขอตามมาเกิด ในชาติภพต่อไปเพื่อที่จะรับผลบุญที่กระทำร่วมกัน ...บางคู่ก็ทำกรรมร่วมกันมา ก็อาจจะอาฆาต พยาบาทตามมาทำลายล้างกันในชาตินี้ แล้วแต่จะตั้งจิตอธิษฐานในทางที่ดี...หรือทางที่ร้าย และในบางชาติภพที่เนื้อคู่ ไม่ว่า คู่บุญ หรือคู่กรรม ตามมาพบกันมากกว่า 1 คนในชาติภพนั้น เรื่องราวความรัก ความหวัง ความผิดหวัง ความพลัดพราก...และอะไรต่อมิอะไรที่อยากให้เกิด และไม่อยากให้เกิดก็อาจจะเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ ซึ่งนอกเหนืออำนาจของมนุษย์ตัวเล็กๆ ที่จะไปจัดการได้
...ต้องปล่อยให้เป็นไปตามวัฏจักร ตามธรรมชาติของความรักความหลงของมวลมนุษยชาติ ได้แต่แนะนำให้ตั้งสติเอาไว้ เวลาที่คู่กรรมจะจากไป...ให้เขาหรือเธอไปพบกับคู่กรรมของพวกเขา จะได้ไม่กลับมาทำความทุกข์ยากลำบากใจให้กับเราอีกต่อไป
...และภาวนาขอให้คู่บุญของตัวเรา จงรีบมาแสดงตัว นั่นเป็นแนวคิดที่ควรคิด...ในเวลาแห่งการพลัดพราก ว่าก่อนอื่นมีคนคนหนึ่งที่รอความรักอยู่เสมอ และคนคนนั้นก็คือ ตัวของเราเอง ในเมื่อตัวของเราเกิดจากความรักของพ่อแม่ ซึ่งได้ให้กำเนิดเรามา เราจึงต้องรักษาตัวของเรา ซึ่งเป็นที่รักของพ่อแม่ เอาไว้ทดแทนคุณของบิดามารดา ก่อนที่จะจากโลกนี้ไปอย่างสงบสุข เหมือนที่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ฝากกลอนเอาไว้ให้ช่วยเขียนเตือนสติของผู้ที่จะมีความรักทั้งหลายว่า...
หากรักใคร ขอให้รัก เพียงแค่ครึ่ง
อีกครึ่งหนึ่ง ของหัวใจ เก็บไว้ฝัน
หากวันใด ถูกสลัด ตัดสัมพันธ์
เอาครึ่งนั้น มาทดแทน แทนที่ใจ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]
<< หน้าแรก