จิตวิทยาการเดาใจคนและการรู้จักมองคน

วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2553

ทำอย่างไรไม่ให้ถูกชักจูงง่าย

โลกเราทุกวันนี้ มีข่าวของการหลอกลวง ชักจูงไปในทางไม่ดีอยู่เรื่อย บางแห่งมีการหลอกให้ไปหลงเลื่อมใสลัทธิแปลกๆ และถูกผู้นำหลอกไปสังหารหมู่ก็มี
บ้านเราเองก็มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเป็นประจำมิได้ขาด ตั้งแต่หลอกให้ลุ่มหลงในลัทธิศาสนา และไสยศาสตร์ จนถึงการต้มตุ๋นหลอกเอาเงินทองไปครั้งละมากๆ แทบไม่น่าเชื่อว่ายุคนี้ยังมีแชร์ลูกโซ่เกิดขึ้น และยังมีคนหลงเอาเงินไปให้เขาอีก พวกมิจฉาชีพที่ตกทองเอาของปลอมไปแลกของจริงก็ยังหากินอยู่ได้
สิ่งที่มีอิทธิพลในการโน้มน้าวชักจูง ให้คนเชื่อในทิศทางที่อาจไม่ตรงความเป็นจริงนัก ได้แก่การโฆษณา ซึ่งเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของคนเราเป็นอย่างมาก การโฆษณาสินค้า มีอิทธิพลต่อความเชื่อของคน ให้เกิดการซึมซาบเข้าไปในจิตไร้สำนึก ว่าสินค้าที่โฆษณานั้นมีคุณสมบัติดีจริง ใช้แล้วจะโก้เก๋ หรือมีคุณลักษณะเหมือนนายแบบนางแบบ ที่เขาจ้างมาเป็นผู้นำเสนอนั้น
ความจริงแล้ว บุคคลที่รับจ้างโฆษณานั้น บางทีมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือใช้สินค้าชนิดนั้นแต่อย่างใด บางคนไปโฆษณาสุราทั้งที่ไม่เคยดื่มสุราเลยก็มี นางแบบที่โฆษณายาสระผม บางทีก็ไม่เคยใช้ยาสระผม ชนิดนั้นเลย และเส้นผมของเขาก็ไม่ได้สวยงามดำเป็นมันอย่างที่เห็นในหนังโฆษณา นายแบบที่เคยโฆษณาบุหรี่ให้ดูว่าสูบแล้วโก้เก๋เป็นพระเอก ก็เป็นมะเร็งตายเสียแล้ว หลังจากทำให้คนหลงเอาอย่างมาเสียหลายปี
นางงามที่กองประกวดพยายามสร้างภาพให้เข้าใจว่าสวยที่สุดในประเทศ สวยที่สุดในโลก หรือสวยที่สุดในจักรวาลนั้น ความจริงแล้วมิได้สวยไปกว่าผู้หญิงอื่นอีกเป็นจำนวนมาก ที่ไม่ได้เข้าประกวด แต่การสร้างภาพก็ได้ผลในการล่อจระเข้หนุ่มจระเข้เฒ่าทั้งหลายให้หลงใหล น้ำลายสอ จนต้องทุ่มเทกันอย่างสุดเหวี่ยง
นักการเมืองที่หาโอกาสแต่จะไปถ่ายรูปปะหน้าผลงานคนอื่นและตู่มาเป็นผลงานตน ก็สร้างภาพให้คนส่วนหนึ่งเชื่อว่าเขามีผลงานจริง
นักฉวยโอกาสบางคนพยายามเสนอตัวให้ปรากฏในสื่อมวลชนทุกแขนง สร้างภาพให้คนส่วนหนึ่ง หลงเชื่อว่าเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถจริง บางคนไม่ได้เป็นแพทย์ก็ทำให้คนหลงเชื่อว่าเป็นแพทย์ หลอกเอาเงินประชาชนไปมิใช่น้อย คนไข้โรคจิตบางรายถึงกับหยุดกินยาที่แพทย์สั่งไว้ จนเกิดอาการคลุ้มคลั่งเพราะมีประสาทหลอนและกระโดดตึกตายไปก็มี
ผลของการโฆษณาและการสร้างภาพ ทำให้พฤติกรรมในการบริโภคของคนในสังคม เป็นไปในทิศทางที่เขาพยายามโน้มน้าวให้เป็น
สินค้าหลายชนิดขายดิบขายดีเพราะอิทธิพลของการโฆษณา นาฬิกาข้อมือถูกเปลี่ยนไปเป็น เครื่องประดับแทนที่จะเป็นเครื่องบอกเวลา จึงต้องซื้อหากันในราคาแพงเกินจำเป็น รถยนต์ถูกใช้เป็นเครื่องบ่งบอกฐานะหรือชนชั้น แทนที่จะใช้เป็นยานพาหนะ จึงทำให้ยอดขายรถยนต์ราคาแพงไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำมากนัก
รถชนิดขับเคลื่อน 4 ล้อ เป็นที่นิยมกันมากในประเทศเรา เพราะเชื่อกันว่า เป็นของดีที่ใครๆ ก็ใช้กัน และเป็นสมัยนิยม พอซื้อมาแล้วก็ขับกันอยู่แต่ในเมือง ไม่เคยได้ใช้ประโยชน์จากการขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ต้องจ่ายเงินไปเลยกลายเป็นความสูญเปล่าทางเศรษฐกิจ

สาเหตุที่ทำให้คนเราถูกชักนำให้เชื่อและมีพฤติกรรมตามความเชื่อนั้น เกี่ยวข้องกับปัจจัยหลายอย่างทั้งภายในและภายนอกบุคคลนั้น ตัวอย่างเช่น


1. บุคลิกภาพ ผู้ที่มีบุคลิกภาพอ่อนแอ ขาดความมั่นคง ไม่เป็นตัวของตัวเอง มีความต้องการพึ่งพิงผู้อื่นสูง มีโอกาสถูกชักจูงได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
2. การขาดเอกลักษณ์แห่งตน (identity) ผู้ที่ขาดเอกลักษณ์ไม่มีจุดยืน ไม่มีเป้าหมายในชีวิต ขาดหลักการ ไม่สามารถใช้เหตุผล มีแนวโน้มจะถูกชักจูงให้ทำตามหรือลอกเลียนแบบผู้อื่น ได้ง่ายกว่าคนที่มีเอกลักษณ์
3. วัย วัยเด็กเป็นวัยที่มีโอกาสถูกชักจูงโน้มน้าวให้เชื่อและทำตามบุคคลที่ใกล้ชิด หรือมีความสำคัญในชีวิตได้ง่ายกว่าวัยผู้ใหญ่ ส่วนวัยรุ่นมักได้รับอิทธิพลจากเพื่อนมากที่สุด เพราะมีความต้องการการยอมรับจากกลุ่มเพื่อนมากกว่าวัยอื่น
4. การขาดความรู้และขาดประสบการณ์ ผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา หรือผู้มีโอกาส แต่ขาดความสนใจในการแสวงหาความรู้ ย่อมมีโอกาสถูกชักนำให้หลงผิดได้ง่ายกว่า คนมีความรู้และประสบการณ์ บางทีถูกชักจูงให้หลงผิดเลือกผู้ร้ายเข้าสภาก็มี
5. กิเลส ความโลภบางครั้งทำให้คนถูกหลอกได้ง่ายขึ้น พวกมิจฉาชีพจึงสามารถใช้อุบาย ตกทองหากินมาได้จนถึงปัจจุบัน แชร์ลูกโซ่ก็ไม่มีวันหมดไปจากประเทศนี้
6. ความเอนเอียงที่จะเชื่อในสิ่งนั้น คนที่อยากได้ผู้วิเศษมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ไว้ เป็นที่พึ่งกราบไหว้บูชา มีแนวโน้มจะถูกผู้อวดอ้างว่ามีคุณสมบัติดังกล่าวหลอกได้ง่าย บางที่ลึกๆ ก็รู้ว่า เขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก
7. สถานการณ์และสิ่งแวดล้อม ในภาวะที่บ้านเมืองมีเหตุการณ์ไม่สงบ จิตใจของประชาชนระส่ำระสาย การเชื่อถือข่าวลือมักเกิดขึ้นได้ง่าย ปัจจัยนี้เคยถูกนำไปใช้ ในทางการเมืองมาแล้วหลายครั้ง อย่างเช่น กรณีตะโกนปล่อยข่าวใส่ร้ายคุณปรีดีพนมยงค์ ในโรงภาพยนต์ การให้ร้ายป้ายสีนักศึกษาว่าเป็นคอมมิวนิสต์หรือเป็นคนญวน ในกรณี 6 ตุลาคม 2519 และการชักนำให้ทหารหลงเชื่อว่าผู้ชุมนุมเป็นผู้คิดร้ายต่อบ้านเมือง จนเกิดการเข่นฆ่าในกรณีพฤษภาคม 2535

การป้องกันแก้ไข
ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงหรือชักนำไปในทางที่ผิด ต้องเริ่มต้นตั้งแต่การเลี้ยงดูเด็ก ให้มีพัฒนาการทางบุคลิกภาพที่ถูกต้องเหมาะสม
เด็กควรได้รับการส่งเสริมให้มีพัฒนาการทางความคิดที่เป็นอิสระ มีการใช้เหตุผล รู้จักไตร่ตรอง มีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่พึ่งพาผู้อื่นมากเกินไป มีเอกลักษณ์ของตนเอง มีจุดยืนที่มั่นคง และมีเป้าหมายในชีวิตที่สมเหตุผล
สิ่งเหล่านี้ต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ตั้งแต่เล็กจนใหญ่ อย่างสม่ำเสมอ มิใช่สามารถสร้างได้ ในระยะเวลาอันสั้น จะมาเข้ารับการอบรมหลักสูตรพัฒนาบุคลิกภาพตอนโต ก็ไม่ค่อยได้ผล ไม่เหมือนสร้างมาตั้งแต่เล็กๆ
การรณรงค์ให้เด็กและวัยรุ่นไม่ถูกชักนำจากเพื่อนหรือบุคคลอื่นให้ตกเป็นทาสยาเสพติด เขาจึงใช้คำขวัญว่า "Just say no" เป็นการสอนให้รู้จักปฏิเสธและเป็นตัวของตัวเองไม่ต้องไปตามอย่างใคร หรือเกรงใจใครในเรื่องที่ไม่สมควร
ประชาชนทั่วไปควรพัฒนาตนเองให้มีความรอบรู้ ด้วยการอ่านหนังสือที่มีประโยชน์ ติดตามข่าวสารบ้านเมืองที่มีสาระ อย่าสนใจแต่เพียงความบันเทิง การมีข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ร่วมกับการใช้สติปัญญาไตร่ตรองในเรื่องต่างๆ ช่วยให้ไม่ถูกชักนำไปในทางงมงาย หรือตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่ประสงค์ดีต่อเรา
หากพิจารณาเรื่องราวต่างๆ ด้วยเหตุผล ก็จะเกิดความระมัดระวังและรอบคอบในการเชื่อสิ่งต่างๆ ไม่หลงเชื่อคำโฆษณาหรือการหลอกลวงผ่านสื่อต่างๆ รวมทั้งการติดต่อทางตรง
ถ้าใช้วิจารณญาณให้ดี อาจคิดได้ว่า สินค้าที่โฆษณามากๆ นั้น ผู้บริโภคต้องแบกรับภาระ ค่าโฆษณาไว้ในต้นทุนด้วย หน่วยงานราชการที่โฆษณาตัวเองมากๆ ราวกับเป็นบริษัทเอกชนนั้น กำลังใช้งบประมาณจากภาษีอากรไปในทางที่ไม่เหมาะสม แทนที่จะใช้เพื่อประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริง นักการเมืองที่สร้างภาพเก่งๆ อาจไม่ได้ใช้เวลาทำงานในหน้าที่อย่างจริงจัง หรือทำอะไรไม่เป็นเลยก็ได้
อันที่จริงพระพุทธเจ้าได้ทรงสั่งสอนไว้เป็นอย่างดีแล้วว่าอะไรไม่ควรเชื่อ และอะไรควรเชื่อ แต่คนส่วนใหญ่ยังนับถือศาสนาแบบงมงาย คือ แทนที่จะนำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาพิจารณาไตร่ตรองพิสูจน์ แล้วปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ กลับไปนับถือกราบไหว้วัตถุแบบไสยศาสตร์ หวังเพียงมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นที่พึ่ง บ้านเมืองจึงด้อยพัฒนา และประชาชนมัวเมาอยู่ในอบายมุขทุกชนิด
การปฏิบัติตามธรรมของศาสนาที่ใช้ปัญญาและสติเป็นที่ตั้งย่อมเป็นหนทางไปสู่การดับทุกข์ ซึ่งเป็นหลักการเดียวกันกับการสร้างเสริมสุขภาพจิต บทความนี้ผู้อ่านไม่ควรเชื่อจนกว่าจะได้นำไปพิสูจน์ และไตร่ตรองพิจารณา ด้วยเหตุผลให้ถ่องแท้เสียก่อน

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก